กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว คาราบาว)

กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร หรือที่รู้จักกันในชื่อ เขียว คาราบาว เกิด 25 มกราคม 2495 เป็น นักร้อง, นักดนตรี, โปรดิวเซอร์, เจ้าของร้านอาหาร ศิลปิน การศึกษาในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ และจบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนสาธิตสวนสุนันทาวิทยาลัย จากนั้นจึงเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เขียว ชื่นชอบการเล่นฟุตบอลอย่างมากถึงขนาดเคยเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันฟุตบอล และเริ่มสนใจดนตรีสากลโดยเริ่มหัดเล่นกีตาร์และเบส โดยหัดเล่นเพลงสากลอย่างเช่น Hang On Sloopy ของวง The McCoys หลังจบชั้นมัธยมปลาย เขียวได้เล่นดนตรีอาชีพตามบาร์ของทหารจีไอ ที่มาตั้งฐานทัพ ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พอเล่นได้ซักระยะจึงยกระดับวงของตัวเองขึ้นมาโดยมีนักดนตรีต่างชาติฝีมือดีมาเล่นรวมอยู่ในวงด้วย ทำให้ได้ย้ายมาเล่นประจำที่ตึกนายเลิศ โดยเขียวทำหน้าที่เล่นเบส ต่อมาเมื่อทางวงมีรายได้จากการเล่นดนตรีมากขึ้น ก็เกิดปัญหาการแบ่งค่าตัวระหว่างสมาชิกภายในวงที่เป็นคนต่างชาติและสมาชิกที่เป็นคนไทย เขียวจึงตัดสินใจยุบวงตั้งแต่ตอนนั้น และเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา ที่สถาบันเทคโนโลยีมาปัว (Mapua Institute of Technology) เมือง มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ที่ฟิลิปปินส์ เขียวได้พบกับเพื่อนนักเรียนไทยที่นั่นอีก 2 คน คือแอ๊ด - ยืนยง โอภากุล และไข่ - สานิตย์ ลิ่มศิลา ทั้ง 3 ได้ตั้งวงดนตรีที่ชื่อ คาราบาว ขึ้นมาเพื่อเล่นประกวดในงานดนตรีของมหาวิทยาลัย โดยขึ้นเล่นเพลง Carry On ของวง ครอสบี, สติลส์, แนช แอนด์ ยัง และเพลง Mahal Kita ซึ่งเป็นเพลงของฟิลิปปินส์ ซึ่งวงคาราบาวได้เข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ก่อนจะตกรอบในเวลาต่อมา เมื่อกลับมาเมืองไทยในปี 2520 เขียวได้เป็นวิศวกรประเมินราคา แต่ยังคงเล่นดนตรีสากลในนามคาราบาว ร่วมกับแอ๊ด และ ไข่ โดยใช้เวลาหลังจากเลิกงานประจำมาเล่นดนตรี ต่อมาเมื่อไข่แยกตัวออกไป คาราบาวจึงเหลือเพียงแอ๊ดและเขียว ทั้งคู่ได้ตระเวนเล่นดนตรีตามห้องอาหารต่าง ๆ ในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันก็ทำงานประจำ โดยทางวงจะเล่นเพลงสากลของ จอห์น เดนเวอร์, อิเกิ้ลส์, ครอสบี, สติลส์, แนช แอนด์ ยัง เป็นต้น จนในปลายปี 2524 อัลบั้มชุดแรกของคาราบาวก็เกิดขึ้น ในชื่อว่า ขี้เมา โดยเขียว รับหน้าที่เล่นกีตาร์เบส แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ต่อมาอัลบั้มชุดที่ 2 แป๊ะขายขวด ซึ่งวางจำหน่ายปี 2525 และได้เล็ก - ปรีชา ชนะภัย จากวงเพรสซิเดนท์เข้าร่วมวงด้วย เขียวจึงเปลี่ยนหน้าที่จากเล่นเบสมาเล่นกีตาร์ และได้ร้องนำเป็นครั้งแรก โดยเป็นการร้องคู่กับแอ๊ด - ยืนยง โอภากุล ในเพลง แป๊ะขายขวด และยังร้องเพลง หนทางใด และเพลง พรานทะเล อัลบั้มนี้ทำให้คาราบาวเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และในอัลบั้มชุดวณิพกซึ่งวางจำหน่ายในปีถัดมา เขียว สมาชิกในตำแหน่งมือกีตาร์ ได้ร้องนำในเพลง หัวลำโพง ก่อนจะเริ่มหันมาทำงานและมีบทบาทเบื้องหลังกับวงคาราบาวมากขึ้น จนกระทั่งปลายปี 2527 คาราบาวจึงประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดจากอัลบั้มชุดที่ 5 เมด อิน ไทยแลนด์ ซึ่งสามารถทำยอดขายได้ถึง 5,000,000 ตลับ/ก๊อปปี้ ซึงเป็นสถิติที่สูงที่สุดในประเทศไทย ทำให้ชื่อของเขียว คาราบาว เป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศตังแต่บัดนั้น ผลจากความสำเร็จของอัลบั้มชุดนี้ทำให้เขียวได้ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตทำโดยคนไทยซึ่งเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวงคาราบาว ที่สนามจักรยานเวโลโดรม ในสนามกีฬาหัวหมาก ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าวมียอดผู้ชมมากกว่า 60,000 คน และได้แสดงภาพยนตร์เรื่องเสียงเพลงแห่งเสรีภาพ ในปี 2528 อีกด้วย โดยสมาชิกวงคาราบาวได้แสดงร่วมกันทั้งวง