นางนาคพระโขนง
นางนาคพระโขนง  (2476/1933) เรื่องราวของนางนาค กับสามี ที่พลัดพรากจากกัน เพราะสามีต้องไปรบ มีฉากพายเรือ ฉากคลอดลูกและกำลังจะตาย ฉากกลายร่างจากสาวสวยไปเป็นผี ฉากวิญญาณลงหม้อ รวมถึงฉากเอื้อมมือเก็บมะนาว
Placeholder
ท้าวกกขนาก (2475)
ท้าวกกขนาก (2475/1932) จากตำนานท้องถิ่นลพบุรี ท้าวกกขนากเป็นยักษ์ที่ถูกศรพระรามปักอก แล้วกระเด็นจากลงกามาตกที่เขาวงพระจันทร์ ลพบุรี ยักษ์ยังไม่ตาย พระรามจึงสาปให้ศรปักอกยักษ์ตรึงอยู่บนยอดเขาชั่วกัลป์ แต่ทุกๆ สามปีศรจะคลายตัวออก พระรามให้ไก่แก้วมาคอยขัน เพื่อให้หนุมานได้ยิน มาตอกศรไม่ให้หลุดออก
หลงทาง (2475)
หลงทาง (2475/1932) แสวง แต่งงานกับ ยอดมิ่ง มีบุตรหนึ่งคนชื่อ ยอดขวัญ ประกอบอาชีพกสิกรรม วันหนึ่งแสวงต้องเดินทางเข้าสู่พระนครเพื่อซื้อเครื่องมือมาใช้ในกิจการ โดยพักอยู่กับ จำนง เพื่อนรักซึ่งอาศัยที่พระนคร จำนงชักนำให้แสวงรู้จักกับ ฟองสวาท ซึ่งเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ทั่วเมือง แสวงหลงใหลฟองสวาทอย่างหัวปักหัวปำถึงขั้นละทิ้งอาชีพกสิกรรมมาทำงานในพระนคร และพาฟองสวาทมาอยู่ร่วมกันในบ้านอย่างเปิดเผย ฟองสวาทใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ไม่นานนักแสวงก็หมดเงิน ฟองสวาทจึงตีตัวออกห่าง แสวงต้องออกจากงาน ต้องทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส ทำให้เขาหวนนึกถึงยอดมิ่งที่เคยพึ่งพิง จึงกลับไปที่บ้านทุ่งเพื่อหาเมียรักซึ่งคอยเขาอยู่ที่นั่น
หมั้นซ้อน (2474)
รบระหว่างรัก (2474)
รบระหว่างรัก (2474/1931) เรื่องราวรักสามเส้า และรักต่างชนชั้น พระเอกเป็นลูกชาวนาที่อาสาไปรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 มีแม่เป็นคนตาบอด เมื่ออาสาไปรบจึงไปขอร้องเพื่อนที่มีเสียงเหมือนกับตน ไปดูแลแม่ของตัวเอง พอกลับมาจากสงครามก็พบว่าถูกแย่งคนรักไป พระเอกจึงไปแย่งกลับคืนมา
Placeholder

หมัดพ่อค้า (2474/1931) เป็นเรื่องเกี่ยวแก่การชิงรักระหว่างพ่อค้าชาวกองเกวียน มีการยกพวกปล้นกองเกวียน การต่อสู้กันด้วยอาวุธปืนและหมัดมวยอย่างโลดโผน (ที่มา: หนังสือพิมพ์ศรีกรุง ธันวาคม พ.ศ. 2474)

ยุงร้ายกว่าเสือ 2473
แสงมหาพินาศ (2472)
แสงมหาพินาศ (2472/1929) ภาพยนตร์ไทยที่แสดงอย่างทันตาและทันสมัยที่สุด เป็นเรื่องที่ท่านไม่ควรจะยอมให้ผ่านสายตาไปเสีย เพราะท่านจะได้พบความบันเทิงจากภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้เป็นอเนกประการ เป็นต้นว่าภาพรักอันยียวนและหวานจับใจ ภาพการต่อสู้ด้วยหมัด และมีดสั้นอย่างฉกาจฉกรรจ์ ประกอบกับความตลกขบขันของตัวละครบางคน กับท่านจะต้องตื่นใจในเมื่อได้เห็นอภินิหารของ "แสงมหาพินาศ" ที่สามารถทำลายเรือใหญ่ๆ ในกลางมหาสมุทร และ ฯลฯ (ที่มา : หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง ตุลาคม พ.ศ. 2472)
หนุ่มหัวนอก (2472/1929) วันนี้, พรุ่งนี้, และมะรืนนี้, เปนวัน กำหนดฉายภาพยนตร์ไทยเรื่องหนุ่มหัวนอก ซึ่งนายนัด ยวงพานิช เปนเจ้าของ ที่โรงภาพยนตร์ตลาดบำเพ็ญบุญ เชิงสะพานถ่าน พระนคร ภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้ เจ้าของ เล่าว่าได้ลงทุนทำถึง 34,000 บาทเศษ สิ้นเวลาทำ 2 ปีกว่า พระเอกนางเอกและตัวประกอบล้วนเปนบุตรธิดาคหบดี แสดงได้สนิทสนมทุกอย่าง เทียมของฝรั่ง เปนเรื่องรักโศก ทำให้ผู้ดูตื่นเต้นยิ่งนัก จึงควรที่มหาชนจะไปชมให้ได้ (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง 30 สิงหาคม พ.ศ. 2472)
Placeholder
กินอะไร (2472/1929) เป็นภาพยนตร์แถลงการณ์ของกรมสาธารณสุข ซึ่งได้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเป็นเรื่องแรก มีกำหนดจะนำออกฉายตามโรงภาพยนตร์ต่าง ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ควรต้องนับว่า เป็นภาพยนตร์แถลงการณ์เชิงภาพข่าวกลายๆ อย่างน่าดูได้เรื่องหนึ่ง ซึ่งทุกท่านควรไปชม เพื่อประดับความรู้รอบตัวให้มากยิ่งขึ้นทางสุขศึกษา ในเรื่องของการ "กินอะไร" เพราะทุกๆ คนจะต้องกินกัน ทุกวัน แต่อะไรจะควรกินและไม่ควรกิน ภาพยนตร์เรื่อง นี้จะบอกคุณประโยชน์ให้ท่านผู้ดูทราบโดยถี่ถ้วน (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง 31 ตุลาคม พ.ศ. 2472) กล่าวถึงสวนผัก สกปรกเพราะรดด้วยน้ำอุจจาระ คนมาซื้อผักจากสวนไปขาย พายเรือไปขาย คน ซื้อเรียกซื้อ ไปถึงตลาด ตลาดสกปรก คนมาซื้อ แม่บ้าน อ้วนๆ มาซื้อไปบ้าน บ้านสะอาดแต่ข้างหน้าข้างหลังใน ครัวสกปรก แม่บ้านทำอาหารไม่ได้ล้างผัก ให้สามีและลูกกินกันสองคน รุ่งเช้าสามีปวดท้อง เข้าส้วม ลูกก็เข้าส้วม ส้วมก็ไม่ถูกสุขลักษณะ สองพ่อลูกเป็นอหิวาต์แม่บ้านไป โทรศัพท์เรียกแผนกโรคติดต่อ กรมสาธารณสุข มารับไป โรงพยาบาลกลาง สรุป กินอะไร? คือกินอุจาระนั่นเอง (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง หลายวัน ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2472)
เสน่หาตามืด 2471

เรื่องย่อ : เสน่หาตามืด (2471/1928) เชิญท่านไปหัวเราะ!!! นายเทิ้มนาฏะคะยี จอมจำอวดสวดคฤหัสถ์ ลิเก เสภา ละครรำ ละครร้อง ฯลฯ ในภาพยนตร์ตลกไทยเรื่องแรกชิ้นเอกแห่งบูรพาทิศ "เสน่หาตามืด" แสดงร่วมกับนางงามอาบน้ำชาวสยามหมู่ใหญ่ มีการตลกแปลกปลาด เช่น ดำทราย ตกจากเขาสูงศีรษะปักดินไม่ตาย ถูกแทงน่าใจหาย ภาพฝันและหยอกนางเงือกสมัยใหม่ ฯลฯ (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวันศรีกรุง ธันวาคม พ.ศ. 2471)

กุหลาบขาว 2471

เรื่องย่อ : กุหลาบขาว (2471/1928) เมื่อ ดอกเตอร์วงจีฮี นายแพทย์หนุ่มจากเมืองจีน เดินทางกลับมาหา แป๊ะบุ้นกุ่ย หรือ นางสาวกุหลาบขาว หญิงคนรักพร้อมกับแร่เรเดียม แร่ที่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคได้มากมาย จนเป็นที่หมายปองของบรรดาสี่โจรโฉด เพราะแร่เรเดียมนั้นเป็นแร่ที่มีมูลค่ามหาศาล ดีที่วงจีฮีนั้นเก่งในทางหมัดมวยจึงสามารถรักษาแร่ไว้ไม่ให้ตกไปถึงมือเหล่าโจรร้าย แต่กระนั้นแร่เรเดียมก็ยังไม่ปลอดภัยวงจีฮีจึงต้องนำไปเก็บไว้ในเซฟที่ปิดอย่างมิดชิด แต่บรรดาสี่โจรก็ยังล่วงรู้ จึงวางแผนจับตัวกุหลาบขาวมาเป็นตัวประกันพร้อมกับจ้างให้ เอียวโจโง๋ อดีตโจรงัดแงะตัวฉกาจไปทำการปลดเซฟ แต่เพราะวงจีฮีเคยช่วยเหลือหลานชายของเอียวโจโง๋ให้หายจากโรคร้ายเอียวโจโง๋จึงเอ่ยปากให้เบาะแสแก่วงจีฮี วงจีฮีจึงพาตำรวจเข้าตะลุมบอนกับสี่โจร จับตัวพวกมันไปขังคุก และช่วยกุหลาบขาวคนรักไว้ได้สำเร็จ

เลือดแค้น 2471

เรื่องย่อ : เลือดแค้น (2471/1928) เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก ที่มีความลึกลับ เกี่ยวกับการผจญภัยและการต่อสู้ในเชิงหมัดมวยอย่างน่าตื่นเต้น ถ้าว่าถึงตลกคะนอง ก็เป็นตลกที่ไม่ได้แกล้งให้ตลก เป็นตลกที่อาศัยเกิดจากลักษณะเดิมของตัวผู้แสดงเอง มีตาเชยเตี้ยเป็นต้น ลักษณะของตาเชย ผู้ดูโดยมากที่ไปเที่ยวตำบลบางลำพู คงจะได้เคยเห็น แกเดินชมอากาศอยู่ตามแถวนั้นบ่อยๆ หรือมิฉะนั้นก็แถวหน้าโรงปีนัง ผู้ทำเรื่อง เลือดแค้น ได้ใช้ความระวังหลายประการที่จะไม่ให้เลือดแค้นกลายเป็นเลือดไม่แค้นหรือเลือดจืด มีเหตุผลกินกลืนกันสมเรื่อง ตลอดจนภูมิฐานฐานะของบุคคลและการแต่งตัว ที่จัดให้เหมาะแก่ลักษณะ เหมาะแก่เวลาที่ควรไม่ควร ถ้าจะกล่าวแล้วเรื่อง เลือดแค้น ถึงจะมีข้อที่น่าติอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อว่าน้อยที่สุด ท้องเรื่อง เลือดแค้น แสดงถึงน้ำใจของน้องเมียนายทองใบ ที่พยายามแก้แค้นแทนพี่สาวอันเนื่องจากนายทองใบทิ้งพี่สาวและทำทารุณโหดร้ายเมื่อ 20 ปีก่อน จึงตามมาแก้แค้นโดยปลอมตัวเป็นคนลึกลับ ท่านจะได้เห็นการต่อสู้กันบนเรือใบกลางทะเล การต่อสู้ในบ้าน และการต่อสู้ชิงนางกลางทุ่ง การต่อสู้นี้ล้วนไปด้วยหมัดมวยและอาวุธปืน ทุกตอนจะทำให้ท่านรู้สึกพอใจ ในที่สุดท่านจะต้องออกปากว่า "หนังไทยเรื่องนี้ของเขาควรผูกโบว์แดงให้ได้" พูดถึงผู้แสดง มีโดยมากนับว่าใช้บทบาทได้สนิท ผู้ที่ควรได้รับความชมเชยชั้นเยี่ยมของการแสดงในเรื่องก็คือ จรวย วีละเวีย ลีละชาติ นางเอกผู้เป็นตัว "สุลักษณ์" บุตรี เลี้ยงของนายทองใบ จรวยได้วางบทบาทสมแก่เป็นตัวภาพยนตร์ได้ดีจริงๆ ดีจนควรนับได้ว่าอยู่เหนือนางเอกภาพยนตร์ไทยที่ท่านเคยเห็นมา เช่น ยามโกรธ ยามตกใจ ดีใจ ยามออเซาะ เหล่านี้ ชวนให้รู้สึกว่าจรวยไม่มีการเก้อเขินแต่อย่างใดเลย ถัดจากนี้ก็ตัวพระเอกพระรองและตัวประกอบอีก ซึ่งมีบทดีไม่แพ้แม่จรวย นอกจากนั้นยังแสดงการชกต่อยและการขี่ม้าขี่ฬาคล่องแคล่วอย่างน่าชม บางคนสังเกตว่าพยายามเลียนจากบท ฮูด กิ๊บสัน หรือ เคน เมย์นาดไม่ผิดเลย ยังมีผู้แสดงที่ควรได้รับความชมเชยเป็นพิเศษอีกคนหนึ่ง คือ นายไกวัลย์ ซึ่งแสดงเป็นตัวบ้าหรือใบ้ นายคนนี้ เมื่อแสดง "ไม่คิดเลย" ยังมีอาการขวางๆ รีๆ อยู่มาก ครั้น มาแสดงเรื่องนี้กลับมีสภาพเป็นคนละคน การแสดงของนาย ไกวัลย์ในเรื่อง "เลือดแค้น" สกปรกโสมมเหลือกำลัง เสื้อผ้า ขาดกะรุ่งกะริ่งผมเผ้ายาวเหมือนบ้าหอบฟาง เพราะถูกเกณฑ์ให้เป็นคนใบ้เนื่องจากในเรื่องถูกน้องชายโกงสมบัติ ตามสังเกตดูเหมือนนายไกวัลย์จะเลียนแบบ "ลอน ชานีย์" เอา เสียจริงๆ ถึงหากบทจะด้อยกว่าลอน ชานีย์ ก็ยังนับว่าเป็น ลอน ชานีย์ ไทยได้ ไม่อายคนดูทีเดียว ตัวนี้คู่หูกับตาเชยเตี้ย นับว่าเป็นผู้ทำให้เรื่องครึกครื้นมากอยู่ (ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวภาพยนตร์ กรกฎาคม พ.ศ. 2471)

ใครเป็นบ้า 2471

เรื่องย่อ : ใครเป็นบ้า (2471/1928) มีเนื้อเรื่องยอกย้อนซับซ้อนกัน เพื่อให้ผู้ดูวินิจฉัยเอาเองว่า ฝ่ายใดเป็นบ้า...นัยว่าจะทำให้ผู้ดูหัวเราะขบขันได้ตลอดเวลา...เพียงแต่ดูบางตอนในเรื่องนี้ เชื่อกันว่าคงจะเป็นเรื่องสนุก เช่นตอนมีผู้แต่งตัวชอบกลมาลูบหัวสุนักข์แล้วสุนักข์กลายเป็นคน ๆ กลายเป็นสุนักข์ ฯลฯ ดำเนินเค้าเงื่อนคมขำ ผู้ดูนึกขบขันตลอดเวลา ทำให้อดนึกถึงปัญหาในเบื้องต้นไม่ได้ว่า ใครจะเป็นบ้ากันแน่ ครั้นมาในตอนท้าย ผู้ที่เป็นบ้ากลับกลายมาเป็นผู้ที่เราไม่เคยนึกเคยฝัน นับว่าเป็นเรื่องตลก ที่น่าฟังดีที่สุดเรื่องหนึ่ง ผู้แสดงทุกคนแสดงบทบาทได้อย่างสนิทสนม ไม่เก้อเขิน ทั้งการแต่งตัวก็เรียบร้อย ไม่ขะมุกขะมอมเช่นก่อนๆ ไฟสว่างดีเห็นภาพชัดเจน ถ้าจะกล่าวถึงผู้แสดง เป็นพิเศษโดยเฉพาะ ก็คือนางสาวแพน เรืองนนท์ คนทั้งสองนี้จะแสดงบทบาทให้ท่านเห็นความชำนิชำนาญในทางนาฏศาสตร์มาเป็นอย่างดี และทั้งจะได้เห็นรูปโฉมของ นางสาวแพน เรืองนนท์ ว่ามีความงดงามสมกับชื่อ เสียงอันโด่งดังของเจ้าหล่อนเพียงไร นอกจากนี้มีผู้ควรกล่าวด้วยอีกคนหนึ่งก็คือ นางจรวย ลีละชาติ ได้แสดงร่วมในเรื่องนี้ด้วย ท่านจะได้เห็นความชำนาญในการขับรถของเจ้าหล่อน และรูปร่างหน้าตาอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้ท่านหายความประหลาดใจ ในความโลดโผน และ คุณสมบัติของเจ้าหล่อน (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวันศรีกรุง มิถุนายน พ.ศ. 2471)

Placeholder

เรื่องย่อ : เทพธิดา (2471/1928) ภาพยนตร์เรื่องนี้ เท่าที่คณะเราได้ ไปชมมาแล้ว รู้สึกว่าดีเป็นพิเศษ เยี่ยมกว่าภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่เคยนำออกฉายมาแล้ว การถ่ายได้กระทำ อย่างโลดโผนพิสดาร เช่นเทพธิดาเหาะเหิรเดินอยู่บนนภากาศ เป็นต้น (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง มีนาคม พ.ศ. 2471)